ครม. ขยายเวลามาตรการภาษีสนับสนุนผู้บริจาคให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาผ่านระบบ e - Donation ถึง 31 ธ.ค. 2566

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติมาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาตามที่กรมสรรพากรเสนอ

ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่กำหนดให้รัฐใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษีให้ผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุนฯ ได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา และเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยมีหลักการสรุปได้ดังนี้

1.บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนฯ สามารถหักลดหย่อนได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุดคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนฯ สามารถหักเป็นรายจ่ายได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ทั้งนี้ ผู้ที่บริจาคให้แก่กองทุนฯ ตามข้อ 1 และ 2 จะต้องบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e - Donation) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2566”


ติดต่อเรา : https://www.pimaccounting.com
Line Official : Pimlegal
เบอร์โทรศัพท์ : 094-365-5697, 092-889-9046
Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.