เมื่อตกลงที่จะปิดกิจการแล้วอันดับแรกที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การเคลียร์พันธะภาระต่าง ๆ เช่นตรวจสอบว่าเรายังมีลูกหนี้การค้าหรือหนี้สินอื่น ๆ
หรือไม่ พร้อมตรวจสอบสินค้าคงเหลือ เมื่อเคลียร์ในส่วนนี้เรียบร้อยแล้ว จึงดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี และต้องเช็คด้วยว่าบริษัทได้จดเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หากเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะมีขั้นตอนในการแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ตามขั้นตอนดังนี้
1. จัดประชุมผู้ถือหุ้นด้วยมติคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน และเมื่อมติลงความเห็นให้ปิดกิจการจึงดำเนินการจัดทำคำขอจดทะเบียนขอยกเลิกกิจการ
2. จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด จากนั้นยื่นเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนเลิกบริษัท
3. จัดทำงบการเงิน ณ วันเลิกบริษัทและส่งให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบ เมื่อผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นว่าถูกต้องไม่มีข้อบกพร่องให้จัดตั้งผู้ชำระบัญชี เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระเงินค่าหุ้น ขายทรัพย์สิน เรียกลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่กรรมการบริษัทได้ออกไปในการดำเนินกิจการค้าแทนบริษัท หากมีทรัพย์สินเหลือให้คืนทุนผู้ถือหุ้น
4. หากการตรวจสอบบัญชีไม่ผ่าน ผู้ชำระบัญชีต้องจัดทำรายงานการชำระบัญชี (แบบ ลช 3) ยื่นต่อนายทะเบียนทุกระยะ 3 เดือน และในการกรณีชำระบัญชีไม่เสร็จเกินกว่า 1 ปี ผู้ชำระบัญชีต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อครบปีทุกปี เพื่อรายงานความเป็นไปของการชำระบัญชี
5. เมื่อชำระบัญชีดำเนินการชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานผลการชำระบัญชี แล้วจึงจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันประชุมอนุมัติเสร็จการชำระบัญชี
6. ดำเนินการขอแจ้งเลิกประกอบกิจการในทางภาษีมูลค่าเพิ่มกับทางกรมสรรพากร ณ พื้นที่ที่บริษัทตั้งอยู่ (ผู้ประกอบการต้องแจ้งเลิกประกอบกิจการภายใน 15 วัน นับจากวันที่เลิกประกอบกิจการ) และต้องคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ในนามบริษัทที่เลิกภายใน 60 วันตามแบบ ลป.10.3 ซึ่งสามารถยื่นพร้อมกันกับการไปแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มได้
ติดต่อเรา : https://www.pimaccounting.com
Line Official : Pimlegal
เบอร์โทรศัพท์ : 094-365-5697, 092-889-9046
Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.